ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

ห่อหมกปลาช่อน รสชาตินี้ต้องบอกต่อ

          ห่อหมกปลาช่อน ! เหรอครับป้าแป๊ด ไม่เคยครับผมไม่เคยกิน เคยกินห่อหมกปลาครับ แต่ก็ไม่เคยถามแม่ค้าสักทีว่าปลาอะไร เค้าว่าปลาก็ปลาตามกัน วันนี้ป้าแป๊ดจะทำห่อหมกปลาช่อนงั้นผมขอเรียนด้วยครับ รอแป๊บหนึ่งครับ


       ส่วนผสม
  1. ปลาช่อน 1 ตัว ประมาณ 1 กก. ขอดเกล็ดตัดหัวแล่กระดูกกลางออก ส่วนหัวสับเป็นชิ้นพอประมาณ ส่วนเนื้อแฉลบบางๆ


2. กะทิข้นๆ 3 ถ้วย (คั้นจากมะพร้าวขูด 1 กก.)
3. ไข่เป็ด 2 ฟอง
4. น้ำปลา 1/4 ถ้วย
5. ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ 
7. ผักกาดขาว ตัดเป็นท่อน นึ่งพอผักยุบ 1/2 ถ้วย
8. กระหล่ำปลี เด็ดเป็นกาบๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นึ่งพอผักยุบ 1/2 ถ้วย
9. ใบโหระพาเด็ดเป็นใบๆ 1/2 ถ้วย
10.ใบยอฉีกก้านกลางออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1/2 ถ้วย


ใบยอ

11. ใบตองสำหรับเย็บเป็นกระทง
    เครื่องแกงน้ำพริกห่อหมก




  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ กรีดเอาเม็ดและไส้ออกแช่น้ำ 5 เม็ด
  • ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะพูน
  • ข่าหั่นฝอย 2 ช้อนชา
  • รากผักชีหั่นละเอียด 1/2 ช้อนชา
  • ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ช้อนชา
  • หอมปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิอย่างดี 1/2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ถั่วลิสงคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ

         วิธีทำ
  1. เตรียมกระทงจากใบตอง ขนาดเล็กใหญ่ตามใจชอบครับผม
  2. โขลกเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด
  3. แบ่งกระทิ 1/2 ถ้วยใส่หม้อนำไปตั้งไฟพอเดือดยกลงเก็บไว้หยอดหน้า
  4. กระทิอีก 2 1/2 ถ้วย.ใส่อ่าง ใส่ปลาช่อนที่เตรียมไว้ลงในอ่างกะทิ ใช้พายคนไปทางเดียวกันประมาณ 20 นาที
  5. นำเครื่องน้ำพริกใส่ในอ่างปลาช่อนคนต่อไปให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำปลา ต่อยไข่ตีพอแตก ผสมให้เข้ากัน
  6. นำผักเรียงลงกระทง ตักส่วนผสมใส่บนผัก ราดด้วยหัวกระทิ ใบมะกรูดหั่นฝอย และพริกแดงหั่นฝอย
  7. นึ่งบนน้ำเดือดให้สุก

เครื่องเคียงข้าวแช่ หัวไชโป้ผัดไข่

                    เครื่องเคียงข้าวแช่ อีกรายการที่ขาดไม่ได้และทำได้ไม่ยากนัก คือ หัวไชโป้ผัดไข่  เอแล้วจะใช้หัวไชโป้หวาน หรือหัวไชโป้เค็มดีละ เอาเป็นว่าตามชอบครับผม แต่ส่วนตัวของผมชอบใช้หัวไชโป้แบบหวานมากกว่า






            

            ส่วนผสม
  • หัวไชโป้หวานแบบหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
  • ไข่เป็ด 1 ฟอง
  • น้ำมันหมู 2 ช้อนโต๊ะ

           วิธีทำหัวไชโป้ผัดไข่
  • น้ำมันหมูใส่กระทะตั้งไฟพอร้อน
  • ใส่หัวไชโป้ลงผัดสักครู่
  • ต่อยไข่ลง ผัดจนไข่เหลืองสุกดี ตักขึ้นครับ

เครื่องเคียงข้าวแช่ กะปิชุบไข่

                      หลังจากเอนหลัง พักสายตาสักแปปหนึ่ง เอออร่อยมากข้าวแช่ป้าแป๊ด ก็ต้องมาเรียนรู้วิธีเตรียมเครื่องเคียงข้าวแช่ ฝีมือป้าแป๊ดกันหน่อยดีกว่า เครื่องเคียงตัวแรกที่ต้องมีแน่ๆนั้นคือ "กะปิชุบไข่"






                                           สวนผสมกะปิชุบไข่
  1. ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
  2. กระชายหั่นละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
  3. กะปิอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
  4. หัวหอมปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
  6. มะพร้าวขูดคั่วเหลือง 4 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  8. ปลากรอบ 1/2 ถ้วย แกะแต่เนื้อโขลกละเอียด
  9. น้ำตาลปีป 3 ช้อนโต๊ะ        
                             วิธีทำ      

  1. นำส่วนผสมทั้งหมดโขลกรวมกันให้ละเอียด
  2. ตักใส่กระทะผัดให้เหนียวจนปั้นได้
  3. ปั้นเป็นก้อน ชุบไข่ทอดให้เหลือง           

เครื่องเคียงข้าวแช่ พริกหยวกสอดไส้

            เมนูชาววังที่ผมได้มีโอกาสลิ้มลองครั้งแรก คือข้าวแช่ ฝีมือป้าแป๊ด แต่ยอมรับเลยว่าเป็นงานละเอียดมากใช้เวลานานมาก เพราะว่าทุกขั้นตอนป้าแป๊ดพิถีพิถันมาก ป้าแป๊ดบอกว่า"ไม่ได้ลูกไม่ได้" ตำรับชาววังต้องรักษาอย่าให้เพี้ยน หากินที่ไหนในโลกนี้ไม่ได้ ต้องมาที่นี้ที่บ้านเราเมืองไทย ป้าครับ ป้าทำผมซึ้งมากเลยครับ ผมรักป้าผมรักประเทศไทยจังเลยครับ เอาครับเราจะมาซาบซึ้งกันเวลานี้ไม่ได้ครับ เราต้องลุกขึ้นสู้ครับ เอ้ยไม่ช่ายย เราต้องลุกขึ้นทำ "พริกหยวกสอดไส้" กันแล้วครับ


         ส่วนผสมพริกหยวกสอดไส้

  • พริกหยวกเลือกสีเขียวสดเม็ดงามๆ 7 เม็ด
  • กุ้งสดสับละเอียด 4 ช้อนโต๊ะ
  • เนื้อหมูสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1/2 ช้อนชา
  • รากผักชี 1/2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • พริกไทย 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมันหมูสำหรับทอด

  วิธีทำพริกหยวกสอดไส้
  • นำพริกหยวกไม่ปลิดก้านผ่าตามยาวเอาเม็ดและไส้ออก ล้างน้ำเกลือให้หายเผ็ด สลัดน้ำออกพักไว้

  • โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย เกลือ ให้ละเอียดใส่หมู กุ้ง โขลกจนเหนียว
  • ใส่ไข่ที่ตีเข้ากันแล้ว 1 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำปลา เคล้าให้เข้ากัน
  • นำส่วนผสมทั้งหมดบรรจุลงในพริกหยวกให้เต็มพอดี
  • ใสลงรังถึงนึ่งบนน้ำเดือดให้สุก

      วิธีโรยฝอย

  • ใส่น้ำมันหมูลง 1/4 ของกระทะ
  • ตั้งไฟพอน้ำมันร้อน
  • ใช้มือจุ่มลงในไข่ที่ตีพอเข้ากันดี (ไม่ต้องตีจนขึ้นฟูนะครับ) โรยลงในน้ำมัน
  • วางพริกลงบนฝอยไข่ (ก่อนวางพริกให้บีบเบาๆให้น้ำของพริกออกก่อนนะครับผม)
  • เอาทัพพีโปร่งช้อนริมไข่ปิดพริก พอไข่เหลืองสวยตักขึ้นบนกระดาษซับน้ำมัน เป็นอันเสร็จ

ข้าวแช่

             ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีความคิดเลยว่าข้าวแช่เป็นอาหารที่น่ากิน รู้เพียงว่าเป็นเมนูของชาววังเคยแอบคิดว่าจะกินได้ยังไงน้อเอาข้าวมาแช่น้ำ ถ้าเป็นขนมหวานประเภทลอดช่องน้ำกระทิ ลอดช่องสิงคโปร์ก็ว่าไป แต่นี้เอาข้าวมาแช่น้ำคิดแล้วสยอง
             จนมาถึงช่วงหน้าร้อนวันหนึ่งป้าแป๊ดปิดร้านขายข้าวเพราะว่ามีลูกหลานมาเยี่ยมจากต่างจังหวัด และผมก็ถูกเชิญมาพบปะสังสรรกับครอบครัวของป้าแป๊ดด้วย อะฮ้า!!! มีเมนูข้าวแช่ด้วย


               วิธีหุงข้าวแช่
  • หุงข้าวให้เดือดเหลือไตนิดหน่อย ยกลงเทในตะแกรงถี่ๆ
  • แช่น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 
  • ใช้ฝ่ามือถูเม็ดข้าวเบาๆให้เม็ดข้าวเกลี้ยงสวย
  • นำข้าวใส่ในผ้าขาวบางห่อใส่รังถึงนึ่งจนสุก
  • เวลาจะรับประทานใสน้ำลอยดอกมะลิ กระดังงาใสน้ำแข็งทุบ
                                    

                              กับข้าวรับประทานกับข้าวแช่
  • กะปิชุบไข่ทอด
  • พริกหยวกสอดไส้
  • หัวไชโป้ผัดไข่
  • เนื้อเค็มผัดหวาน
  • ปลาแห้งผัดหวาน
  • ปลากุเลาชุบไข่ทอด
  • ปลาสลิดชุบไข่ทอด
  • ไข่เค็ม
              
                          
                                       ลองชิมคำแรก ยังกล้าๆกลัวมันจะยังไงน้อ เอาน้าสักคำเป็นมารยาท อ้ำ อ้ำ อ้ำ  อืมอืม อร่อยมาก อร่อยมาก หมดถ้วยแรกไปแล้ว อีกนิดดีกว่า อ้อแล้วจะมาแอบบอกวิธีเตรียมเครื่องเคียงครั้งหน้านะครับ วันนี้ขอชิมข้าวแช่อีกสักชามก่อนครับผม




เรื่องของข้าวผัด

                 ผัดข้าวให้อร่อยใครว่าง่าย ผมคนหนึ่งละขอค้าน เพราะบ่อยครั้งที่คิดเมนูอาหารไม่ออกแต่อยากกินอะไรที่สะดวกและเร็วเมนูอันดับต้นๆที่ผมคิดถึงเป็นพิเศษคือ ข้าวผัด และเกือบทุกครั้งที่สั่งเมนูข้าวผัดผมก็ต้องพกพาความผิดหวังกลับมาทุกที ข้าวแฉะ หรือไม่ก็เหมือนกินข้าวคลุกน้ำมัน แต่ไม่ครับไม่ เหตุการณ์ข้าวคลุกน้ำมันจะไม่เกิดขึ้นกับคนอย่างผมอีกแล้ว เพราะผมมีป้าแป๊ด ครับผม ป้าแป๊ดครับผมอยากทำข้าวผัดครับผม
         เอาละเริ่มกันเลยครับ


         ส่วนผสม
  • ข้าวสวย 4 ถ้วย (เกลี่ยข้าวให้กระจายเรียงเม็ด)
  • น้ำมันหมู 1/3 ถ้วย
  • กระเทียมทุบปอกเปลือกสับละเอียด 1ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งนาง ทำความสะอาดหั่นชิ้นเล็กๆ 1/4 ถ้วย


กุ้งนางหรือกุ้งก้ามกราม


  • หอมใหญ่หั่นสี่เหลียมเล็ก 1/4 ถ้วย 
  • ไข่เป็ด 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1ช้อนชา
  • น้ำปลา 4 ช้อนชา
  • ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนชา
  • พริกไทย ผักชี พริกแดง ต้นหอม แตงกวา และมะนาว
         วิธีทำ

  • นำน้ำมันหมูใส่กระทะตั้งบนไฟ เจียวกระเทียมพอเป็นสีนวล
  • ผัดกุ้งให้สุก ใสหอมใหญ่ ต่อยไข่ลงคนแรงๆให้แตกละเอียด
  • ใส่น้ำตาล น้ำปลา ใส่ข้าวลงผัดให้ทั่ว
  • ใส่ซอสมะเขือเทศ ผัดเข้ากันดีแล้วตักใส่จาน โรยผักชี พริกแดง




                   

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้าวคลุกกะปิทำยังไง

                         ผมเป็นคนหนึ่งละไม่ชอบกลิ่นของกะปิเอามากๆ ยังคิดเล่นๆอยู่เลยว่าไม่อยากให้โลกนี้มีกะปิ โชคดีไปที่คำขอของผมไม่เป็นจริงไม่อย่างนั้นชีวิตของผมคงไม่รู้จักข้าวคลุกกะปิที่แสนจะอร่อยอีกแล้วของ ป้าแป๊ด (เออป้าแป๊ดครับมีอะไรบ้างครับที่ป้าทำแล้วไม่อร่อย ช่วยบอกผมหน่อย)
            ผมบ่นกับป้าแป๊ดเรื่องกลิ่นกะปิเวลาป้าแป๊ดให้ผมช่วยหยิบส่งให้ป้าแกทำน้ำพริก ป้าแป๊ดบอกว่าผมยังไม่รู้พิษสงความอร่อยและกลิ่นหอมของกะปิซะแล้ว ถ้ารู้คงหลงกลิ่นมันมากกว่ากลิ่นแก้มสาว ขนาดนั้นเลยเหรอป้า งั้นต้องลองซะแล้วครับผม



                               แน่นอนที่สุดครับว่า ข้าวคลุกกะปิ จะอร่อยต้องมาจากกะปิที่ดี ดังนั้นจะต้องคัดสรรวัตถุดิบกันหน่อยครับผม

             ส่วนผสม

                   1) กะปิดำอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
                   2) ข้าวสุก 8 ถ้วย
                   3) น้ำมันหมู 1/4 ถ้วย
                   4) กระเทียมทุบสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
                   5) หมูหวาน หั่นชิ้นบางๆ 1 ถ้วย
                   6) กุ้งแห้งผ่าซีกทอดกรอบ 1/4 ถ้วย
                   7) ไข่กรอก (ไข่ทอดบางๆม้วนแล้วหั่นฝอย) 2 ฟอง






                   8) หัวหอมแดงปอกเปลือกแล้วซอย 2 ช้อนโต๊ะ
                   9) มะดันซอยหรือมะม่วงซอย


             วิธีปรุงสุดยอดข้าวคลุกกะปิ

  • นำนำมันหมูใส่กระทะตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมเจียวพอเป็นสีนวล
  • นำกะปิลงผัดสักครู่พอกลิ่นหอม ยกลง
  • ตักข้าวสุกคลุกเคล้าให้เข้ากันดี
  • อาจจะใส่หมูหวานลงคลุกด้วยหรือแยกเป็นเครื่องเคียงพร้อมไข่กรอก มะม่วงซอย หอมซอย ก็ตามชอบครับผม

ข้าวมันไก่ สุดอร่อย

                    มาแล้วมาแล้ว!!! สุดยอดเมนูโปรดของผม ข้าวมันไก่  วันนี้ป้าแป๊ดสอนเมนูที่ผมอยากรู้มาตั้งนานแล้วว่า ข้าวมันไก่เค้าทำกันยังไงน้า ถึงหอมมันเป็นที่สุดแล้วป้าแป๊ดก็เป็นนางฟ้าบันดาลให้ผมพบสัจธรรมของข้าวมันไก่สุดโปรด


                       ส่วนผสม

                      1) ชิ้นส่วนไก่ตามชอบ ส่วนหน้าอก,ส่วนน่องไก่
                      2) ข้าวหอมมะลิ 6 ถ้วย ซาวด้วยน้ำสะอาด
                      3) น้ำมันไก่ 1 ถ้วย
                      4) กระเทียมปอกเปลือกทุบแล้วสับหยาบๆ 1/4 ถ้วย
                      5) เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
                      6) แตงกวา ผักชี น้ำส้มสายชู พริกแดง เต้าเจี้ยวดำ ซีอิ้วดำ

                     วิธีทำข้าวมันไก่สุดอร่อย

  • ทาเกลือบางๆให้ทั่วชิ้นไก่ ถ้าหากใช้ไก่ทั้งตัวพยายามทาเกลือให้ทั่วถึงทั้งด้านนอกและในตัวไก่ พักไว้ประมาณ 10 นาที
  • นำน้ำสะอาดใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดนำไก่ลงต้มให้สุกแล้วยกลง ตักไก่ขึ้น

  • นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันไก่(ได้จากการนำหนังไก่มาเจียว) นำกระเทียมลงเจียวพอเป็นสีนวล นำข้าวสารลงผัดประมาณ 5-6 นาที 
  • ตักข้าวสารที่ผัดแล้วใส่หม้อ เติมน้ำต้มไก่ลงประมาณ 8 ถ้วย     
  • ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใช้พายคนอย่าให้ติดก้นหม้อ เบาไฟทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนข้าวสุก            
  • แล่ไก่แต่เนื้อ หั่นแฉลบบางๆวางบนข้าวประดับด้วยแตงกวา โรยผักชี
                   สูตรน้ำจิ้มรสเด็ดที่สุด


      1)ปลอกเปลือกกระเทียมและขิง เด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมและขิงมาสับให้ 
        ละเอียด ซอยพริกเป็น ชิ้นเล็กๆ และนำเครื่องทั้งหมดใส่ไว้ในถ้วยผสม
      2)เติมเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ เต้าเจี๊ยว น้ำตาลทราย และน้ำส้มสายชู ลงไป ผสมเครื่อง

        ทั้งหมดให้เข้ากัน  ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้เสริฟพร้อมข้าวมันไก่



วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

นึ่งข้าวเหนียว ข้าวเหนียวนึ่ง

                      ไม่อยากจะบอกเลยว่าถึงแม้ผมจะเป็นคนเมืองกรุงแต่ก็หลงรัก และชอบการกินข้าวเหนียวเป็นที่สุด อาทิตย์หนึ่งต้องหาโอกาสสักครั้งละที่จะต้องไปกินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ก็ยังสงสัยอยู่ทุกครั้งที่แวะชิมอาหารอีสานหลายๆที่ ทำไมข้าวเหนียวแต่ละร้านถึงให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน บางร้านข้าวเหนียวนุ่มมมม เรียงเป็นเม็ดสวย หอมเป็นที่สุด บางร้านถ้าไม่แฉะก็แห้งซะ
          แต่วันนี้ผมมีสูตรและเทคนิคการนึ่งข้าวเหนียวแล้วครับพี่น้องครับสูตรนึ่งข้าวเหนียวให้นุ่มน่ากินไม่ยากอย่างที่คิดซะด้วย มาเลยเข้ามาใกล้ๆ



         ส่วนผสม

          1. ข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม
          2. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
          3. น้ำสะอาดพอท่วม
          4. ใบเตย 2-3 ใบ

         วิธีเตรียมข้าวเหนียว

          1. นำข้าวเหนียวที่ได้ไปทำการล้างน้ำให้สะอาด โดยล้างประมาณ 2 น้ำ
          2. เติมน้ำสะอาดลงไปให้พอท่วม ตามด้วยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะที่เตรียมไว้
          3. หลังจากนั้นแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ก็สามารถนำไปนึ่งได้

          แต่ไม่ครับไม่ สำหรับผมมีเทคนิคมาแถมให้ครับ แอบกระซิบว่า ก่อนนึ่งข้าวเหนียวให้รองก้นหวดด้วยใบเตยประมาณ 2-3 ใบ จะช่วยให้ข้าวเหนียวมีกลิ่นหอมของใบเตยน่ารับประทาน และก็การนำข้าวเหนียวแช่น้ำเกลือ ก่อนนำไปนึ่งนั้น จะช่วยลดระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวได้ ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่ใส่เกลือจะต้องใช้ระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวประมาณ 1 คืน แต่เมื่อเติมเกลือลงไป แช่แค่ 1 – 2 ชั่วโมง ก็จะทำให้ข้าวเหนียวนุ่มน่ารับประทานขึ้น รู้แล้วรีบบอกต่อเลยนะครับผม

                      วิธีนึ่งข้าวเหนียว


                       อุปกรณ์ในการนึ่งข้าวเหนียว หาได้ไม่ยาก แน่นอนที่สุดต้องมี 1)เตาไฟ จะเตาถ่านหรือเตาแก๊สก็ตามสะดวก 2)หวด เด็กสมัยนี้จะรู้จักมั๊ยหนอ หวดพร้อมฝาหม้อปิดนะจ๊ะ และก็ 3) หม้อทรงสูงสำหรับใส่น้ำเพื่อให้เกิดไอน้ำ 4) ผ้าขาวสำหรับรองหวดจ้า

         อุปกรณ์พร้อมก็เริ่มเลยครับผม
         1. นำหม้อใส่น้ำหรือนำน้ำใส่หม้อก็ได้ (5555) แล้วนำหม้อวางบนเตาไฟ
         2. ปูผ้าขาวบางในหวด รองด้วยใบเตย 2-3 ใบ
         3. นำข้าวเหนียวที่แช่เตรียมไว้แล้วใส่ลงในหวดแล้วจึงวางบนหม้อ




         4. พอเริ่มมีไอน้ำลอยขึ้นเหนือหวดให้ปิดฝาหวด
         5. ใช้เวลานึ่งประมาณ 25-30 นาที
         6. เมื่อข้าวเหนียวสุก ให้นำข้าวเหนียวออกจากหวดเกลี่ยลงบนถาดเพื่อระบายความร้อน แล้วจึงนำข้าวเหนียวไปเก็บในกระติ๊บครับผม


ข้าวเหนียวนึ่งนุ่มน่ากิน หอมกลิ่นใบเตยอ่อนๆ
                            
           

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ล้นเหลือของน้ำข้าว น้ำซาวข้าว

          อะฮ้า!!!! เพิ่งจะรู้นะเนี๊ยว่าน้ำข้าว น้ำซาวข้าวที่เราทิ้งทุกครั้งเมื่อหุงข้าวมีประโยชน์ล้นเหลือคณานับ น่าเสียดายจริงๆ
       
        น้ำข้าวมี 2 แบบ
      คือ 1.น้ำข้าวที่เกิดจากการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ ซึ่งจะต้องใช้หม้อใส่ข้าวสารตั้งบนเตาถ่าน กระบวนการเริ่มต้นโดยล้างหรือซาวข้าวเพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ออก จนกระทั่งน้ำล้างข้าวใส แล้วจึงเติมน้ำปริมาณมากลงไป ต้มให้เดือด ในช่วงนี้ต้องหมั่นคนอย่าให้เมล็ดข้าวติดก้นหม้อ ต้มจนเมล็ดข้าวเริ่มแตกจนสุกนิ่มไปทั้งเมล็ด หรือเห็นเมล็ดข้าวยังมีไตขุ่นเป็นจุดเล็กๆ อยู่ภายใน จึงรินน้ำออก เรียกขั้นตอนนี้ว่า เช็ดน้ำข้าว ทั้งนี้ หม้อที่ใช้หุงข้าวแบบเช็ดน้ำนี้ต้องมีหูสองข้างและฝาหม้อต้องมีหูอยู่ตรง กึ่งกลาง เวลาเช็ดน้ำใช้ไม้ขัดฝาหม้อแทงขัดร้อยหูหม้อและฝาหม้อเอาไว้ จากนั้นเอียงหม้อเทน้ำข้าวออกจนหมด แล้วนําหม้อข้าวไปตั้งไฟอ่อนๆ เพื่อให้น้ำข้าวในหม้อแห้งสนิท เรียกว่า ดงข้าว จนข้าวสุกระอุดี


         

     เชื่อกันว่าน้ำข้าวเป็นอาหารอย่างดีสําหรับคนป่วยที่รู้สึกเบื่ออาหารเพราะ เกิดการเสียสมดุลของระบบย่อยอาหาร ส่วนคนปกติที่ไม่ป่วยก็สามารถทานน้ำข้าวได้เช่นกัน เพราะน้ำข้าวมีคุณค่าและสารอาหารมากมายเช่นเดียวกับข้าว อีกทั้งย่อยง่าย ไม่ทําให้ท้องอืด ท้องเสีย และร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอได้ทันที คนป่วยจึงสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น น้ำข้าวมีวิตามินอีสูง และมีคุณสมบัติเป็นยารสเย็นช่วยบำรุงร่างกาย รวมถึงแก้ร้อนในและใช้ถอนพิษผิดสำแดง และยังใช้แก้อาการปวดท้อง ท้องร่วง และช่วยขับปัสสาวะด้วย โดยเฉพาะเด็กท้องเสีย น้ำข้าวช่วยได้มากเช่นกัน สูตรน้ำข้าวที่สามารถนำมาเป็นยาสำหรับเด็กท้องเสียมีดังนี้ น้ำข้าว 1 ถ้วย หรือ 8 ออนซ์ (240 ซีซี) เกลือ 2 หยิบนิ้วมือ (0.6 กรัม) น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะหรือช้อนแกง (6 กรัม) ผสมเข้าด้วยกันป้อนให้เด็กรับประทาน

      และอีกสูตร คือ ข้าวสาร 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 1 ช้อนตักแกง เติมน้ำลงในหม้อข้าว 3 แก้ว (เต็มแก้ว) ซึ่งมีปริมาตรประมาณ 720 ซีซี นำไปต้มจนเดือดแล้วเคี่ยวต่อ ใช้เวลาทั้งสิ้นตั้งแต่เริ่มหุงประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที เมล็ดข้าวจะแตกและเปื่อย ลักษณะเหมือนโจ๊ก เติมเกลือลงไป 2 หยิบนิ้วมือ แล้วยกลง จะมีปริมาตรที่เหลือทั้งสิ้น 1 ถ้วย ประมาณ 8 ออนซ์ (240 ซีซี) ทิ้งไว้ให้เย็นและป้อนให้เด็กรับประทาน
  
      2. น้ำข้าวที่เกิดจากการซาวข้าว
     



         น้ำซาวข้าว เป็นน้ำที่ได้จากการล้างข้าวก่อนนำไปหุง ปกติจะล้างข้าวไม่เกิน 1-2 ครั้ง เพราะจะทำให้สูญเสียวิตามินที่มีอยู่ในเมล็ดข้าวอย่างเช่น วิตามินบี ซึ่งละลายได้ในน้ำน้ำซาวข้าวที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่ทรจะมีใครรู้มั๊ยหนอว่าน้ำซาวข้าวมีคุณประโยชน์ย่างอเนกอนันต์มากกว่าที่คิด เพราะน้ำซาวข้าว จะมี
  • วิตามินบี 3 หรือ Niacin ช่วยทำลายพิษหรือท็อกซินจากมลพิษ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด
  • วิตามินบี 2 หรือ Riboflavin ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด อันเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดแข็งตัว ขจัด ไขมันชนิดอิ่มตัวในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังช่วยระงับอาการตาแฉะได้ จึงใช้เป็นส่วน ประกอบในยาหยอดตา
  • วิตามินบี 1 หรือ เป็นต่อประโยชน์การทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อย หัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยในการ เจริญเติบโตของร่างกาย และมี ธาตุเหล็ก เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง 
        ในสมัยก่อนคนไทยนำ น้ำซาวข้าวต้มใส่เกลือหรือน้ำตาลทรายดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ นอกจากคุณประโยชน์ต่อภายในของร่างกายแล้ว น้ำซาวข้าวยังสามารถนำมาสระผม ซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่เป็นรังแค นำมาชำระล้างใบหน้าก็จะช่วยขจัดความมัน รักษาสิวฝ้าทำให้หน้าขาวนวลนุ่ม ใช้ล้างผัก ผลไม้ ก็จะขจัดสารพิษตกค้างได้ใช้ล้างภาชนะที่ติดคราบไขมันได้อย่างสะอาด ใช้รดต้นไม้เป็นปุ๋ยอย่างดี ใช้ล้างเมือกคาวปลาไร้กลิ่นได้ชะงัก

น้ำซาวข้าวช่วยแก้ปัญหากลิ่นบูดของหม้อข้าว หรือกลิ่นคาวต่างๆ
ล้างหน้าด้วยน้ำซาวข้าวหน้าไม่มีสิว หน้าไม่มัน
 
 
          
แช่มือในน้ำซาวข้าวจะทำให้มือนุ่มน่าสัมผัส
          

วิธีหุงข้าวสวย

             ผมเพิ่งจะรู้ว่าการหุงข้าวสวย ให้นุ่มมม หอมน่ากินก็มีเทคนิคเหมือนกันเพราะผมเคยชินกับการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เอาข้าวสารใส่หม้อ เติมน้ำ เสียบปลั๊ก กดปุ่ม รอข้าวสุก มันช่างเรียบง่ายไม่สมเป็นชายชาตรีอย่างผม วันนี้ผมมีวิธีหุงข้าวที่เราแทบจะลืมๆกันไปและคิดว่าเด็กยุคใหมคงไม่รู้วิธีกันแล้วละ วิธีนั้นคือหุงข้าวด้วยเตาถ่าน


     
    
     เมื่อก่อไฟได้แล้วก็มารู้จักวิธีหุงข้าวกันหน่อย เอ หรือว่าต้องรู้จักวิธีหุงข้าวก่อนจะก่อไฟนะ เอาเอาสักอย่างละกันครับ


     วิธีหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ


     เป็นชื่อที่ได้จากการขั้นตอนการรินน้ำออกจากหม้อเพื่อให้ข้าวแห้ง มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยากดังนี้
  • ตวงข้าวใส่หม้อและซาวน้ำสะอาด 1ครั้งเพื่อล้างสิ่งสกปรกจากนั้นรินน้ำ
  • ใส่น้ำให้ท่วมข้าวประมาณครึ่งต่อครึ่ง
  • ยกหม้อข้าวขึ้นตั้งบนเตาพอน้ำเดือดค่อยๆเปิดฝาหม้อออกแล้วใช้ทัพพีคนเพื่อไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ
  • เมื่อข้าวเริ่มสุกได้ที่แล้ว (สังเกตจากข้าวที่ไตมีสีขาวเล็กน้อย)ก็ยกลง
  • ปิดฝาหม้อแล้วใช้ไม้ขัดหม้อให้แน่น เอียงหม้อรินน้ำข้าวทิ้งจนแห้ง
  • ยกหม้อข้าวขึ้นดง คือเอาหม้อข้าวที่รินแล้วมาตั้งไฟอ่อนเพื่อให้ระอุจนข้าวสุกแล้วจึงค่อยยกออก
    วิธีหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ

    การหุงข้าวด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้เราได้รับประโยชน์จากวิตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในข้าวอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการหุงข้าวโดยไม่รินน้ำทิ้ง น่าสนใจเป็นที่สุดตามมาเลยครับมีวิธีการดังนี้

  • ตวงข้าวใส่หม้อแล้วซาวข้าวด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้งเพื่อล้างสิ่งสกปรกจากนั้นรินน้ำทิ้ง
  • ตวงน้ำสะอาดใส่หม้ออัตราส่วนข้าวหนึ่งส่วน ต่อน้ำหนึ่งส่วน
  • ยกหม้อข้าวขึ้นตั้งบนเตาไฟ  ปิดฝาสนิท  ตั้งทิ้งไว้ห้าถึงแปดนาที  เปิดฝาหม้อแล้วใช้ทัพพีคนเพื่อป้องกันข้าวไหม้
  • เมื่อข้าวเริ่มเดือด  เปิดฝาหม้อ  แล้วใช้ทัพพีคน  พอน้ำงวดลงบ้างก็ตักไฟออกเล็กน้อย  รอข้าวระอุประมาณ  15-20  นาที  จึงคอยยกลง